ถ้าหาก ..
ดวงตา คือหน้าต่างของหัวใจ
Branding ก็คือประตูของธุรกิจ ไม่ต่างกันเลย
หลายคนอาจแย้งว่า ธุรกิจเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ตลาด และหากลยุทธ์นำไปสู่การสร้างยอดขาย
อื้มม..อันนี้ก็ถูกนะครับ ไม่มีข้อโต้แย้งเลย
แต่ !!
อาจจะไม่ครอบคลุมกับบริบท ทางสังคมที่เปลี่ยนไปตามสภาพเศรษฐกิจ ซะทีเดียว
เราสามารถใช้วิธีการนี้ได้ดีมากเมื่อ 4-5ปีก่อนแต่ถ้าในปัจจุบัน ผมมองว่าอาจจะยังไม่เพียงพอ
ลองคิดภาพตามว่า เมื่อในตลาดมีแต่สินค้าหรือ บริการที่คล้ายๆ กันไปหมด
คำถามก็คือว่า แล้วเราจะซื้อสินค้า หรือใช้บริการเจ้าไหนดี ??
Branding คือคำตอบ
ถ้าให้แปลตรงตัว Branding แปลว่าภาพลักษณ์
แล้ว ภาพลักษณ์ที่ว่านี้ทำงานยังไง ??
ผู้หญิงคนนี้ ดูหวานจัง
ผู้ชายคนนี้ แต่งตังเนี๊ยบสุด
รถยนต์คันนี้ ดูหรูหรามาก

สิ่งต่างๆเหล่านี้ คือ Branding และ Branding เหล่านี้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมาก
ถ้าใช้สร้างภาพลักษณ์ในรูปแบบของบุคคล เรียก ‘Personal Branding’
ถ้าใช้ในองค์กร หรือหน่วยงาน เรียก ‘Corporate Branding’
หรือแม้กระทั่งใช้ในธุรกิจขนาดต่างๆ ก็เรียกว่า ‘Business Branding’

สำหรับในธุรกิจ ( Business Branding ) สิ่งที่เราต้องทำคือทำให้ ธุรกิจมีชีวิตขึ้นมา โดยการใส่
ความรู้สึก นึกคิดเข้าไป เรียกว่า ‘Culture’
และสร้างตัวตนให้ผู้คนจดจำ เรียกว่า ‘Character’
ทำไม ทำไม!!!
เราถึงจะต้องยุ่งยากขนาดนี้ มันก็แค่ธุรกิจ
ก็เพราะเราอยากให้ผู้คนจดจำเราได้ เรียกว่า ‘Memorized PERCEPTION’

ทั้ง 3องค์ประกอบนี้ เป็นส่วนผสมที่ทำให้โครงสร้างของการวาง Branding ในธุรกิจแข็งแรง
และเมื่อเราค่อยๆเรียงร้อย เรื่องราวของธุรกิจเรา ด้วย Culture x Character ผ่านการทำ Workshop จนเกิดเป็น
ภาพที่ชัดเจนแล้ว Message ของเราที่จะส่งไปหาผู้รับ ( Audience ) นั้นย่อมจะชัดเจนตามไปด้วย

หลังจากนั้นผู้รับสาร หรือลูกค้าจะเป็นฝ่ายมาหาเราเอง ( Inbound Business )

มาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าผู้อ่านน่าจะพอเข้าใจ function ของ Branding ในธุรกิจมากขึ้น
และสำหรับส่วน Branding จะมีภาคต่อคือ ‘ไม่มีแบรนด์ ไม่มีเรา’ เป็นส่วนต่อเพื่อนำหลักการ ไปใช้งานจริง
รับรองว่าอ่านเพลินๆ และได้ประโยชน์แน่นอน 🌈